top of page

วิธีดูแลสุขอนามัยบริเวณทวารหนักเพื่อป้องกันอาการคันและแสบก้น (ล้างก้นอย่างไรให้สะอาด)

วิธีดูแลสุขอนามัยบริเวณทวารหนักเพื่อป้องกันอาการคันและแสบก้น

ชักโครก นั่งนานก็ไม่ดี


เชื่อว่าหลายคนคงเคยมีประสบการณ์ "นั่งไม่ติด" เพราะอาการคันก้นหรือแสบก้นกันมาบ้าง บางคนถึงขั้นต้องแอบเกาตอนอยู่ในที่ประชุมหรือขณะขับรถ (อย่าทำนะคะ!) ซึ่งนอกจากจะน่ารำคาญแล้ว ยังส่งผลต่อคุณภาพชีวิตอีกด้วย วันนี้เรามาดูกันว่าจะดูแลตัวเองอย่างไรให้ห่างไกลจากปัญหากวนใจนี้กันดีกว่า

  1. การทำความสะอาดที่ถูกวิธี

    • ล้างก้นด้วยน้ำสะอาดทุกครั้งหลังการขับถ่าย

    • เช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลังเสมอ

    • ใช้กระดาษทิชชู่แบบนุ่ม

    • หลีกเลี่ยงการถูแรงเกินไป

หลายคนอาจคิดว่าการทำความสะอาดเป็นเรื่องง่ายๆ แต่รู้หรือไม่ว่าการทำความสะอาดที่ผิดวิธีอาจเป็นต้นเหตุของปัญหาที่กวนใจได้ การใช้น้ำสะอาดล้างหลังขับถ่ายจะช่วยกำจัดแบคทีเรียได้ดีกว่าการใช้กระดาษทิชชู่อย่างเดียว (ใช่แล้วค่ะ สายฝรั่งต้องปรับตัว!) และการเช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลังช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค ควรใช้กระดาษทิชชู่ที่นุ่ม ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมหรือสารเคมี เพราะอาจระคายเคืองผิวบริเวณทวารหนักได้

  1. การรักษาความแห้ง

    • เช็ดให้แห้งสนิทหลังทำความสะอาด

    • สวมใส่ชุดชั้นในที่ระบายอากาศดี

    • เปลี่ยนชุดชั้นในเมื่อมีเหงื่อออกมาก

    • หลีกเลี่ยงกางเกงรัดรูป

สาวๆ ที่ชอบใส่กางเกงเอวสูงรัดรูปต้องระวังเป็นพิเศษนะคะ! ความชื้นเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการคันก้นและแสบก้น เพราะเป็นแหล่งสะสมของเชื้อราและแบคทีเรีย โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนชื้นแบบบ้านเรา การรักษาความแห้งจึงสำคัญมาก ควรเลือกใส่ชุดชั้นในที่ทำจากผ้าฝ้ายหรือผ้าที่ระบายอากาศได้ดี และเปลี่ยนทันทีเมื่อมีเหงื่อออกมาก

  1. การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม

    • ใช้สบู่อ่อนๆ ที่มีค่า pH สมดุล

    • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอม

    • ใช้ครีมเฉพาะจุดเมื่อจำเป็น

    • งดใช้ทิชชู่เปียกที่มีแอลกอฮอล์

อย่าเพิ่งหลงเชื่อโฆษณาที่บอกว่า "ยิ่งหอม ยิ่งสะอาด" นะคะ! ผิวบริเวณทวารหนักมีความบอบบางและระคายเคืองง่ายมาก การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมจึงสำคัญ สบู่ควรเป็นชนิดอ่อนๆ ไม่มีน้ำหอมหรือสารเคมีที่รุนแรง หากมีอาการคันหรือแสบ ควรใช้ครีมที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับบริเวณทวารหนัก และขอร้องล่ะ... อย่าใช้ทิชชู่เปียกที่มีแอลกอฮอล์เชียวนะคะ เพราะจะทำให้แสบมากขึ้นไปอีก!

  1. พฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง

    • การเกาเมื่อมีอาการคัน

    • การแช่น้ำร้อนนานเกินไป

    • การนั่งนานๆ

    • การรับประทานอาหารรสจัด

รู้ว่าทนยากเวลาคัน แต่ต้องอดทนนะคะ! พฤติกรรมบางอย่างอาจทำให้อาการคันก้นและแสบก้นแย่ลง การเกาจะทำให้ผิวหนังเกิดการระคายเคืองและอาจติดเชื้อได้ง่าย สำหรับคนที่ชอบแช่น้ำร้อนๆ ก็ต้องระวัง เพราะจะทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง ส่วนเพื่อนๆ ที่ทำงานออฟฟิศ อย่าลืมลุกมาเดินบ้างนะคะ การนั่งนานๆ ทำให้เกิดความอับชื้น และถ้าเป็นสายเผ็ด ก็ต้องเบาๆ หน่อยล่ะ

  1. เมื่อไรควรพบแพทย์

    • อาการคันหรือแสบรุนแรง

    • มีเลือดออก

    • อาการไม่ดีขึ้นใน 2 สัปดาห์

    • มีอาการบวม แดง หรือเจ็บ

อย่าอายที่จะปรึกษาแพทย์นะคะ! แม้ว่าอาการคันก้นและแสบก้นส่วนใหญ่จะรักษาได้ด้วยการดูแลตัวเอง แต่บางครั้งอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ควรได้รับการดูแล หากมีอาการรุนแรง มีเลือดออก หรืออาการไม่ดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม คุณหมอเขาเจอมาเยอะกว่าที่คุณคิดเยอะเลยค่ะ!

สุดท้ายนี้ การป้องกันดีกว่าการรักษาเสมอนะคะ ด้วยการดูแลสุขอนามัยบริเวณทวารหนักอย่างถูกวิธี คุณก็จะห่างไกลจากปัญหากวนใจเหล่านี้ แต่ถ้ามีอาการผิดปกติ ก็อย่าลืมพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมนะคะ

มีปัญหาเรื่องอาการคันก้นหรือแสบก้น? ลองดูผลิตภัณฑ์ของเรา Anasil Barrier Cream ที่พัฒนามาเพื่อช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้โดยเฉพาะ เพราะเราเข้าใจดีว่าความสบายตัวเป็นเรื่องสำคัญในทุกๆ วัน!

コメント


bottom of page